การพัฒนาชุดฝึกเสริมทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เรื่อง รำบวงสรวงพระบำรุงราษฎร์(จูมมณี) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (ผู้วิจัย พัชรีภรณ์ รัชโพธิ์ )

Details: Hits: 20079

หัวข้อการรายงาน การพัฒนาชุดฝึกเสริมทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เรื่อง รำบวงสรวงพระบำรุงราษฎร์(จูมมณี) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ผู้รายงาน นางพัชรีภรณ์ รัชโพธิ์

ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

สถานที่ทำงาน โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านโพธิ์กลาง)

ปีที่ศึกษา ปีการศึกษา 2562

บทคัดย่อ

การพัฒนาชุดฝึกเสริมทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เรื่อง รำบวงสรวงพระบำรุงราษฎร์(จูมมณี) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาชุดฝึกเสริมทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เรื่อง รำบวงสรวงพระบำรุงราษฎร์(จูมมณี) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยชุดฝึกเสริมทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เรื่องรำบวงสรวงพระบำรุงราษฎร์(จูมมณี) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 3) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของชุดฝึกเสริมทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เรื่อง รำบวงสรวงพระบำรุงราษฎร์(จูมมณี) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 4)เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เรื่อง รำบวงสรวงพระบำรุงราษฎร์(จูมมณี) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 3 ห้องเรียน จำนวน นักเรียน 121 คน (โรงเรียนเทศบาล 1(บ้านโพธิ์กลาง) 2561 : 10) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนเทศบาล 1(บ้านโพธิ์กลาง) จำนวน นักเรียน 38 คน ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 ซึ่งกำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม จับฉลากมา 1 ห้อง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าประกอบด้วย 1) ชุดฝึกเสริมทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เรื่อง รำบวงสรวงพระบำรุงราษฎร์(จูมมณี) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 5 ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (นาฏศิลป์) เรื่อง ชุดฝึกเสริมทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เรื่อง รำบวงสรวงพระบำรุงราษฎร์(จูมมณี) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 5 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (นาฏศิลป์) ชุดฝึกเสริมทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เรื่อง รำบวงสรวงพระบำรุงราษฎร์(จูมมณี) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ 4) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เรื่อง รำบวงสรวงพระบำรุงราษฎร์(จูมมณี) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 10 ข้อ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ

ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ได้ใช้หลักการของการศึกษาค้นคว้าเชิงทดลอง (Experimental Design) รูปแบบ One Group Pretest - Posttest Design วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการทดสอบ t ใช้สูตร t – test แบบ Dependent

ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า

1) ประสิทธิภาพของของชุดฝึกเสริมทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เรื่อง รำบวงสรวงพระบำรุงราษฎร์(จูมมณี) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ค่าเฉลี่ยของคะแนนทดสอบหลังเรียนด้วยชุดฝึกทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์ เท่ากับ 206.55 คิดเป็นร้อยละ 82.62 และค่าเฉลี่ยของคะแนนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ เท่ากับ 42.44 คิดเป็นร้อยละ 84.89 แสดงว่าประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะปฏิบัตินาฏศิลป์ มีประสิทธิภาพ 82.62/84.89 สูงกว่าเกณฑ์ประสิทธิภาพที่ 80 / 80 ตั้งไว้

2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการใช้ชุดฝึกเสริมทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เรื่อง รำบวงสรวงพระบำรุงราษฎร์ (จูมมณี) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผลการทดสอบพบว่าคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01
3) ดัชนีประสิทธิผลของชุดฝึกเสริมทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เรื่อง รำบวงสรวงพระบำรุงราษฎร์(จูมมณี) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.8115 แสดงว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 81.15

4) ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะทางด้านนาฏศิลป์ เรื่อง รำบวงสรวงพระบำรุงราษฎร์(จูมมณี) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด